Team rule

ไม่มีลำดับ เพียงแต่คิดขึ้นมาในหัวเลยจดไว้ก่อน

  1. งานที่ Assign ต้องสามารถทำได้เสร็จในหนึ่งวัน และต้องเสร็จในหนึ่งวัน
  2. Milestone แต่ละช่วงต้องมีเวลาที่แน่นอนตายตัว และงานที่ต้องทำแน่นอนด้วย
  3. งานที่โผล่มากลาง Milestone ให้ผลักไปกองไว้ซักที่เสมอ จะไม่นึกถึงและไม่ให้เห็นจนกว่า Milestone แรกจะเสร็จ
  4. ถ้ามีงานแก้เร่งด่วนจริงๆ ต้องทำก่อนเลย โดยแก้ไขชั่วคราวก่อน และถ้าต้องแก้ถาวรให้โยนกองไว้ซักที่เหมือนกัน
  5. งานอะไรก็ตามที่ไม่มีใน Milestone ห้ามคิดถึงเด็ดขาด
  6. เมื่อจบ Milestone ต้องมีเวลาพักซักครู่ ซักวันสองวัน หรือจะจัดเลี้ยงก็ว่าไป
  7. Requirement เมื่อได้มาต้องต่อรองทุกครั้ง และกำหนดเวลาว่าส่วนต่างๆ จะเสร็จเมื่อไหร่
  8. งานไหนที่ขอแล้วไม่ได้ซักที ก็อย่ามัวแต่รอ เข้าไปคุยหรือวาดเลยว่าทำแบบนี้ได้ไหม
  9. งานไหนที่ไม่เสร็จในหนึ่งวันจริงๆ ต้องคุยเสมอว่าถึงไหนและคาดการณ์ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่
  10. งานไหนที่ดูแล้วไม่ทันจริงๆ หรือแก้ไม่ได้จริงๆ มีสองทางเลือก 1. ปรึกษาคนอื่น(แล้วต้องทำ) 2 โยนทิ้ง (โดยบอกคนที่เกี่ยวข้องด้วย ถึงเหตุผล)
  11. Milestone แต่ละ Milestone ประมาณ 1 เดือน(หรือสี่อาทิตย์) ห้ามนานเกินกว่านี้

About llun

Just a programmer

,

  • http://twitter.com/visibletrap TAP

    ส่วนตัวผมเฉยๆ กับ Sprint ของ Scrum นะ 
    มันก็เป็นกรอบขีดเริ่มต้นที่ดี พยายามทำงานให้ออกเป็นชิ้นเป็นอัน เพื่อ release ออกไปรับ feedback จากที่เคยก้มหน้าก้มตาทำๆ กัน หลายๆ เดือนๆ แล้ว release ทีแต่ที่คิดใน ideal มันต้อง ทำให้สามารถ release ได้ ในระดับที่เร็วกว่านั้น เช่น ระดับ task

    • Anonymous

      อือ พวกนี้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำงานให้เสร็จนั่นแหละ มันขึ้นอยู่กับโจทย์ว่าเราจะแก้อะไร และเลือกใช้วิธีไหนเท่านั้นเอง ปัญหาตอนนี้คือเป้าหมายของสิ่งที่ทำใหม่มันเลื่อนไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ เลยเอาวิธีนี้มาแก้ แต่ถ้าเป็นปัญหาอื่นก็ต้องเลือกวิธีหรือออกแบบทางแก้ใหม่

    • http://twitter.com/visibletrap TAP

      ครับ เยี่ยมแล้วครับ

  • Tap

    นี่มัน Scrum’s sprint หนิครับ

    • Anonymous

      เออจริงๆ นึกเทียบๆ แล้วก็ใช่แต่ตอนทำรู้สึกมันไม่เหมือนกับที่ๆ เคยทำมาเท่านั้นเองเพราะว่า

       1. แม้จะบอกว่าคุยถึงงานที่ทำในหนึ่งวันจริงๆ คือเพื่อเอาไปวางแผนต่อว่าวันถัดมาจะทำอะไรอะ ไม่ได้พึ่ง trac ให้เห็นงานรวมของแต่ละคนทั้ง milestone เหมือนที่ทำๆ กัน
       2. Milestone มีเป้าหมายที่แน่นอนว่าจะทำอะไรบ้าง ที่ทุกคนรู้ 
       3. ไม่มีประชุมการคุยกันทั้งหมดคือคุยตัวต่อตัว (เป็นคนเดินคุยเองเลยว่าตรงนี้จะทำไร ถึงไหน ทำอะไรต่อ แล้วก็กำหนดไปเลยว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร) เลยไม่รู้สึกว่ามันประชุมแล้วไม่ได้อะไรเหมือนที่ผ่านๆ มาตอนเย็น

    • http://twitter.com/visibletrap TAP

      มันไม่เหมือนกับที่เราเคยทำสิ เพราะเราไม่ได้ใช้ Scrum’s sprint เลย

    • Anonymous

      แต่เหมือนเคยพยายามจะทำกันนะ ฮะๆๆ

    • http://twitter.com/visibletrap TAP

      หรอ ไม่เคยรู้มาก่อน เคยได้ยินแต่เรียกการประชุมว่า scrum ซึ่งมันก็ไม่ได้สั้นเหมือน stand up meeting เลย 

      แล้วก็อีกอย่างคือ ถ้าต่างคนต่างทำงานของใครของมันไม่ค่อยเกี่ยวกัน การประชุมแบบนั้นจะไม่ค่อยมีประโยชน์อะ มันเอาไว้สำหรับทีมที่ทำงาน overlap กันเยอะๆ มากกว่าผมว่า

    • Anonymous

      โอ้ feedback นี้พึ่งเห็นตรงๆ ก็จาก comment นี้แหละ

    • http://twitter.com/visibletrap TAP

      ประโยชน์ของการประชุมนั้นมันก็มีเหมือนกัน แต่ไม่เกี่ยวกับ Scrum อะ คือ ฝั่งๆหัวหน้าอยากรู้ว่าน้องๆ ทำอะไรกันอยู่ถึงไหน ติดปัญหาอะไร แทนที่จะต้องลงไปถามรายคนหรือรอให้โวยวายขึ้นมา 

      ซึ่งจะเห็นได้ว่าถ้าอยู่คนละทีมกันก็จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง

    • Anonymous

      คือตอนประชุมรู้สึกไร้ประโยชน์เพราะไม่รู้เป้าหมายของการประชุมคืออะไร จะทำให้ทีมทำงานร่วมกันดีขึ้นได้ยังไร เพราะสิ่งที่ประชุมไปไม่รู้ว่าเอาไปใช้ในส่วนไหนต่อหรือมีผลอย่างไรกับงานนั้น

    • Anonymous

      คือตอนประชุมรู้สึกไร้ประโยชน์เพราะไม่รู้เป้าหมายของการประชุมคืออะไร จะทำให้ทีมทำงานร่วมกันดีขึ้นได้ยังไร เพราะสิ่งที่ประชุมไปไม่รู้ว่าเอาไปใช้ในส่วนไหนต่อหรือมีผลอย่างไรกับงานนั้น